"อ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกวันและงดให้ลูกเล่นแท็บเล็ตและดูโทรทัศน์ครับ"

"อ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกวันและงดให้ลูกเล่นแท็บเล็ตและดูโทรทัศน์ครับ"


.
ยิ่งหากเราส่งลูกเข้าเรียนในแนวมอนเตสซอรี่เราจะต้องเข้าใจถึงวิธีการตระ เตรียมสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้มาลูกๆ ครับ
.
จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์หรืองานของมอนเตสซอรี่จะเป็นวัตถุรูปทรง 3 มิติรวมทั้งการขยับเคลื่อนไหวร่างกายผ่านกิจกรรมหลากหลาย จะกระตุ้นสมองซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงปฐมวัย(อายุ 0-6 ขวบ)
.
แต่จะไม่เกิดขึ้นเมื่อเรียนรู้ผ่านวัตถุที่เป็น 2 มิติอย่างโทรทัศน์และแท็บเล็ตครับ...
.
ดังนั้นการตระเตรียมสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมที่ง่ายที่สุดและทำได้ทันทีจะคือทำตามคำขอร้องด้านบนครับ
แต่หากยังให้ลูกเล่นแท็บเล็ตและดูโทรทัศน์ในช่วงปฐมวัย อาจส่งผลกระทบเชิงลบได้ครับ.. ลองอ่านข้อความด้านล่างต่อนะครับ
.
(จากความคิดเห็นที่ 5 จาก อย่าปล่อยให้เด็กๆ ติดแท็บเล็ตนะครับ อันตรายต่อพัฒนาการและการเรียนรู้
Posted by ยามครับ)
.

"ผมพ่อที่มีลูกสมาธิสั้นเพราะทีวีและแท็บเล็ต
ตอนนี้ลูกชายอยู่ ป1. มีอาการสมาธิสั้น ไม่สามารถจดจ่อกับการเรียนได้ อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ต้องขยับตัวตลอดเวลา
เพราะแต่ก่อนเลี้ยงลูก ไม่รู้จะให้ลูกทำอะไรก้อเปิดการ์ตูนให้ดู ขึ้นรถไม่มีอะไรทำก้อยัดโทรศัพท์ แท็บเล็ต ใส่มือ
.
แรก ๆ ก้อดีใจลูกใช้ไอทีเป็น เปิดปิดเครื่อง เปิดยูทุป ใช้ google
ต่อมาเริ่มจดจ่อกับการเรียนไม่ได้ อยู่ที่ไหนที่มีจอทีวีจะต้องจ้องไม่วางตา ทั้ง ๆ ทีไม่ใช่รายการเด็ก
.
ตอนนี้กำลังมองหาหมอจิตวทยาเด็กที่จะไปรักษาก่อนจะสายไป
แต่สุดท้ายผมคิดว่า โรคสมาธิสั้น เป็นโรคที่เกิดกับเด็กแต่ต้องรักษาที่ ผู้ใหญ่"
.
......ลองทำดูนะครับเปลี่ยนจากให้ลูกเล่นแท็บเล็ตและดูโทรทัศน์มาเป็นอ่าน หนังสือให้ลูกฟังทุกวันหรือเล่นกับลูกดีกว่าครับ...หวังว่าคงเป็นคำขอร้อง ที่ไม่มากเกินไปนะครับ....

Previous